da

Thursday, April 2, 2020

สาวโดนรพ.ปฏิเสธรักษาโควิด สุดท้ายยอมทนมารักษาที่บ้าน จนอาการดีขึ้น พร้อมบอกวิธีการ


เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก สำหรับเรื่องราวของสาวคนหนึ่งในสหรัฐที่ติดโควิด-19 แต่โรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา
ล่าสุด ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Kyky Pornlapat ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการรักษา พร้อมกับระบุว่า มีเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันจากเพื่อนรุ่นพี่คนนึงที่อยู่อเมริกา รัฐเทนเนสซี เขาชื่อพี่บุ้ง พี่เขาเริ่มมีอาการ มีไข้ และเริ่มตามตัว
เขาไปหาหมอที่โรงพยาบาลครั้งแรกแต่โดนตอบปฏิเสธที่จะรับการรักษา ให้กลับมารักษาตัวเองที่บ้าน ก็ต้องกลับมาดูแลตามอาการที่บ้าน จนพี่เขาไม่ไหว ก็กลับไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิมครั้งที่สอง ก็โดนปฏิเสธเหมือนเดิมแต่ครั้งนี้พี่เขาไม่ยอมเขาต้องการตรวจหาโควิด-19 ให้ได้ เขาจะได้รู้ว่าเขาต้องดูแลรักษาตัวแบบไหน



สวัสดีเพื่อนๆที่อยู่ในกลุ่มนี้นะคะ



นี่คือบทสนทนาของพี่บุ้งกับหมอตามนี้ค่ะ
รอบ2 วันที่ 26 ชึ่งเราอาการหนักมากรู้ตัวเอง Emergency เขาไม่ยอมตรวจให้ บอกอุปกรณ์มีไว้สำหรับคนอาการหนัก แล้วเราไปเถียงกับหมอ ว่าจะขอตรวจโควิด ชึ่งเราก็หนักเหมือนกัน เราทำงานเสียภาษีให้รัฐเหมือนกันทำไมไม่ตรวจให้เรา ปล่อยโฮหนักมากบอกว่าเราจะเป็นอะไรโดยเราไม่รู้ว่าเป็นอะไรไม่ได้ ฉันเป็นอะไรไม่ได้ ฉันไม่มีครอบครัวตัวคนเดียว ฉันมีบุตรที่ต้องดูแล ถ้าฉันไม่อยู่บุตรฉันจะอยู่ยังไง เถียงหมอ



จนในที่สุดเขายอมตรวจให้ แต่กว่าจะได้ตรวจ ตรวจเสร็จ วัดทุกอย่าง ไล่กลับบ้านไปดูแลตัวเอง คนไข้เยอะ บุคลากร ไม่พอ แล้วเราถามหมอ ว่าไม่ให้อะไรเหรอ ทำไมไม่เขียนใบสั่งให้เรา
หมอบอกโควิดไม่มีรักษากลับไปบ้านพักผ่อนกิน ไทลินอลดูแลตัวเองไป แล้วค่อยมาว่ากัน นี่คือคำพูดของคนเป็นหมอ



หลังจากนั้นพี่เขาก็กลับมารักษาตัวเองอยู่บ้าน โดยมีอาการหนักๆประมาณ4-5วัน โดยที่พี่เขาพยายามรักษาตัวเองเหมือนตอนเป็นหวัดใหญ่ กินลดไข้ แก้ไอ ทำทุกวิถีทาง ให้แข็งแรง จนตอนนี้พี่เขาเริ่มดีขึ้นประมาณ 70% ไข้ลดลง เกือบเป็นปกติ



ในวันที่บุคลากรไม่เพียงพอ ทุกๆคนที่อยู่เมืองไทย ต้องดูแลตัวเองกันให้มากๆนะคะ ต้องเข้มแข็ง ต้องสู้อย่างพี่เขา อย่ายอมแพ้กันนะ เรื่องราวทั้งหมดของพี่บุ้ง กี้ได้ขออนุญาตพี่เขาให้นำเรื่องราวของพี่เขามาเป็นเคสตัวอย่างเป็นวิทยาทานให้กับเพื่อนในกลุ่มนี้ ขอให้ทุกคนดูแลให้แข็งแรงนะคะ



ขอบคุณทุกๆคนที่พยายามอ่านจนจบ



ภาพจาก Kyky Pornlapat



ภาพจาก Kyky Pornlapat



ภาพจาก Kyky Pornlapat



ภาพจาก Kyky Pornlapat



ภาพจาก Kyky Pornlapat



ขอบคุณที่มาจาก Kyky Pornlapat

No comments:

Post a Comment